ในวันที่สงครามยูเครนกำลังจะเข้าสู่เดือนที่ 21 การออกมาเปิดเผยอย่างตรงไปตรงมาของผู้บัญชาการทหารสูงสุดยูเครนว่า สงครามได้เข้าสู่สภาวะชะงักงันและจะไม่มีความคืบหน้าสำคัญในปฏิบัติการโต้กลับในเร็วๆ นี้ ได้ทำให้เกิดร่องรอยความตึงเครียดระหว่างผู้นำระดับสูงของยูเครนแล้ว

ล่าสุดหลังการเผยแพร่บทสัมภาษณ์ ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกีก็ได้ออกมาปฏิเสธว่า สงครามยังไม่เข้าสู่ทางตันอย่างที่ผู้บัญชาการทหารสูงสุดยูเครนระบุไว้

“เซเลนสกี” ลั่น! อย่าคาดหวังความสำเร็จทันทีในสนามรบ

“ปูติน” โบ้ย สหรัฐฯ-ชาติตะวันตก อยู่เบื้องหลังขัดแย้งฉนวนกาซา โทษ“ยูเครน”ปลุกม็อบบุกสนามบิน

โดยในระหว่างการแถลงข่าวร่วมกับเออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรปที่กรุงเคียฟเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครนได้ออกมากล่าวปฏิเสธว่า ขณะนี้สงครามยูเครนยังไม่ได้ดำเนินมาถึงทางตัน นี่เป็นการออกมาโต้แย้งคำสัมภาษณ์ของ วาเลรี ซาลูซนี ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของยูเครนเกี่ยวกับสถานการณ์การสู้รบที่เผยแพร่ออกมาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของยูเครนได้ออกมาให้สัมภาษณ์อย่างตรงไปตรงมาต่อนิตยสาร The Economist ว่า สงครามระหว่างยูเครนและรัสเซียได้เข้าสู่เฟสยืดเยื้อแล้ว โดยที่ไม่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่ได้เปรียบจนสามารถเปลี่ยนสถานการณ์และรุกคืบอีกฝ่ายได้

ซึ่งสถานการณ์การสู้รบเช่นนี้จะส่งผลให้ยูเครนเสียเปรียบรัสเซีย เนื่องจากรัสเซียมีกำลังพลที่มากกว่าและจะเปิดโอกาสให้รัสเซียเสริมกำลังรบได้ พร้อมระบุว่าปฏิบัติการโต้กลับจะไม่มีความคืบหน้าสำคัญในอนาคตอันใกล้นี้และจะไม่สามารถบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้

นี่จึงทำให้ประธานาธิบดีเซเลนสกีออกมาโต้แย้งว่าไม่เป็นความจริงและยืนยันว่า สงครามยังไม่เข้าสู่จุดชะงักงัน แม้จะยอมรับว่าการสู้รบที่กินระยะเวลายาวนานจะทำให้ผู้คนเหนื่อยล้าก็ตาม ขณะที่ก่อนหน้านี้ผู้นำยูเครนเคยออกมายอมรับว่า ปฏิบัติการโต้กลับเป็นไปอย่างยากลำบาก และยังไม่มีความสำเร็จสำคัญใดๆ เกิดขึ้น

อย่างไรก็ดี ฝ่ายที่ออกมาโต้แย้งคำกล่าวของผู้บัญชาการทหารสูงสุดอย่างรุนแรงคือ สำนักประธานาธิบดี เมื่อวันเสาร์ อิฮอร์ ซอฟควา รองหัวหน้าสำนักประธานาธิบดีบยูเครนได้ออกมาแย้งการประเมินสงครามว่าเข้าสู่ช่วงชะงักชันของผู้บัญชาการทหารสูงสุดยูเครนว่า

การออกมากล่าวเช่นนี้ต่อสื่อและสาธารณชนจะช่วยทำให้การรุกรานยูเครนของรัสเซียเป็นไปได้ง่ายขึ้น อีกทั้งยังอาจทำให้ชาติพันธมิตรตะวันตกหวั่นวิตก

คำถามคือ ทำไมเจ้าหน้าที่ระดับสูงฝ่ายการเมืองที่มีความใกล้ชิดกับประธานาธิบดีเซเลนสกีจึงมีท่าทีเช่นนี้ โอเลซี ฮาราน ศาสตราจารย์ด้านการเมืองเปรียบเทียบจากมหาวิทยาลัย Kyiv-Mohyla Academy วิเคราะห์ผ่านหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ว่า การออกมาโต้แย้งเช่นนี้อาจเป็นการหวังผลในทางปฏิบัติมากกว่าทางการเมือง

โดยคาดว่าทางฝ่ายการเมืองต้องการให้การประเมินสถานการณ์สงครามอย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้ อยู่ในแวดวงที่จำกัดและเป็นไปอย่างลับๆ มากกว่า และไม่ต้องการจุดประเด็นไปสู่การถกเถียงในหมู่ชาติพันธมิตร ซึ่งอาจกระทบความช่วยเหลือทางการทหารที่ชาติพันธมิตรจะตัดสินใจส่งให้ยูเครน

คำถามคือ สงครามยูเครนเข้าสู่จุดชะงักงันจริงแค่ไหน และปฏิบัติการโต้กลับคืบหน้าไปอย่างไรบ้างตลอด 5 เดือนที่ผ่านมา

หลังเข้าสู่ช่วงฤดูร้อนในเดือนมิถุนายนหรือเมื่อ 5 เดือนที่แล้ว ยูเครนได้เริ่มต้นเปิดปฏิบัติการโต้กลับ

เป้าหมายหลักคือเพื่อยึดดินแดนทางภาคตะวันออกและภาคใต้ที่เสียไปคืนจากรัสเซีย อย่างไรก็ตาม ตลอด 5 เดือนที่ผ่านมาการรุกคืบของปฏิบัติการโต้กลับเป็นไปอย่างยากลำบากและจำกัดกว่าที่หลายฝ่าย โดยเฉพาะชาติพันธมิตรตะวันตกคาดการณ์ไว้คำพูดจาก สล็อตเว็บตรง

กองทัพยูเครนประสบความสำเร็จในการปลดปล่อยบางหมู่บ้านออกจากการยึดครองของรัสเซียในพื้นที่เท่านั้น ซึ่งถือว่าไม่ได้เป็นพื้นที่ เช่น หมู่บ้านคลิชีฟกา ใกล้กับเมืองบัคมุตในแคว้นโดเนตสก์ทางภาคตะวันออก หมู่บ้านสตาโรไมออสเกียทางตะวันออกเฉียงใต้ในแคว้นโดเนสตก์

แต่ที่หลายฝ่ายจับตามองอย่างมากคือ การปลดปล่อยหมู่บ้านโรโบตือนีในแคว้นซาโปริซเซียทางภาคใต้ ซึ่งเป็นแนวรบหลักของปฏิบัติการโต้กลับครั้งนี้และมีความสำคัญทางยุทธศาสตร์อย่างมาก

ที่แนวรบหลักในแคว้นซาโปริซเซีย กองทัพยูเครนพยายามรุกคืบและเจาะแนวสนามเพลาะที่รัสเซียขุดไว้ลงไปทางหมู่หมู่บ้านโรโบตือนีและเวียร์โบเวียนับตั้งแต่เริ่มปฏิบัติการโต้กลับในเดือนมิถุนายน

จุดประสงค์ของกองทัพยูเครนในการเปิดแนวรบที่นี่คือการรุกคืบไปที่เมืองโตคมัค ก่อนที่จะรุกไปยังเมืองสำคัญก่อนถึงเมืองเมลิโตปอล เมืองที่รัสเซียใช้ขนส่งอาวุธยุทโธปกรณ์และกำลังบำรุงต่างๆ ไปยังพื้นที่ยึดครองในคาบสมุทรไครเมีย แคว้นเคอร์ซอน และภูมิภาคดอนบาส ทั้งหมดเป็นไปเพื่อตัดเส้นทางลำเลียงอาวุธและกำลังบำรุงของฝ่ายรัสเซีย

ในภาพรวมตลอด 5 เดือนของปฏิบัติการโต้กลับ ความคืบหน้าในการรุกคืบของกองทัพยูเครนลงไปทางหมู่บ้านโรโบตือนีและหมู่บ้านเวียร์โบเวียเป็นไปอย่างช้าๆ และค่อนข้างจำกัดโดยกองทัพยูเครนสามารถปลดปล่อยโรโบตือนีในช่วงปลายเดือนสิงหาคมและฝ่าสนามเพลาะแนวที่ 1 จากทั้งหมด 3 แนวที่รัสเซียวางไว้ได้ในช่วงเดือนกันยายน

แต่หลังจากนั้นก็ไม่ปรากฏความคืบหน้าสำคัญมากนัก แม้จะมีรายงานการสู้รบและปฏิบัติการบุกโจมตีของยูเครนที่บริเวณนี้อย่างต่อเนื่องก็ตาม รายงานล่าสุดของสถาบันเพื่อการศึกษาสงคราม หรือ ISW ระบุว่า แนวรบที่โรโบตือนี-เวียร์โบเวียยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเดิมมากนัก โดยกองทัพยูเครนสามารถรุกคืบไปทางหมู่บ้านเวียร์โบเวียได้อีกเล็กน้อย

ส่วนสาเหตุที่ยูเครนรุกคืบที่แนวรบในซาโปริซเซียได้อย่างจำกัด เป็นเพราะรัสเซียวางแนวป้องกันไว้ตั้งรับกองทัพยูเครนอย่างหนาแน่น นั่นคือการขุดสนามเพลาะ วางกับดักต่างๆ รวมถึงประจำการรถถังและปืนใหญ่ไว้ อีกทั้งยังวางทุ่นระเบิดไว้ ซึ่งทำให้ฝ่ายยูเครนต้องใช้เวลาในการเก็บกู้ก่อนจะสามารถรุกต่อไปได้

จุดโจมตีเคอร์ซอน-โรโบตือนี-อัฟดีฟกา

ส่วนสถานการณ์การสู้รบล่าสุดนอกเหนือจากบริเวณแนวรบหลักที่หมู่บ้านโรโบตือนีในแคว้นซาโปริซเซียแล้ว ยังมีรายงานการสู้รบหลักๆ อีก 2 แห่งคือ ที่เมืองอัฟดีฟกาในแคว้นโดเนตสก์ทางภาคตะวันออกของยูเครน และทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำดนีโปรในแคว้นเคอร์ซอนทางภาคใต้ของยูเครน

โดยการสู้รบที่อัฟดีฟกาเป็นการเปิดปฏิบัติการโจมตีที่ใหญ่ที่สุดในปีนี้ของกองทัพรัสเซีย มีเป้าหมายคือเพื่อปิดล้อมเมืองและโจมตีปั่นป่วนเส้นทางลำเลียงอาวุธของยูเครนทางภาคตะวันออก

ตลอดเดือนตุลาคมที่ผ่านมาจนถึงตอนนี้ มีรายงานว่าอัฟดีฟกาตกอยู่ในการโจมตีอย่างหนักหน่วงแทบจะตลอดเวลา ขณะที่ล่าสุดกองทัพยูเคครนยังคงสามารถตั้งรับการโจมตีได้

ส่วนทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำดนีโปรในแคว้นเคอร์ซอนเป็นการเปิดปฏิบัติการทางการทหารของฝ่ายยูเครน โดยเริ่มต้นขึ้นในช่วงปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา จากนั้นก็มีรายงานการสู้รบอยู่ตลอด

จุดประสงค์และขอบเขตของปฏิบัติการในเคอร์ซอนยังไม่เป็นที่แน่ชัดนัก โดยหลายฝ่ายคาดการณ์ว่าเป็นไปเพื่อตัดขาดกำลังพลของรัสเซียออกจากแนบรบอื่นและตัดเส้นทางลำเลียงอาวุธ

แต่สถานการณ์ล่าสุด หนังสือพิมพ์ เดอะ นิวยอร์ก ไทส์มรายงานว่า กองทัพยูเครนยังไม่สามารถตั้งที่มั่นริมแม่น้ำทางฝั่งศัตรูหรือ bridgehead ได้ ซึ่งจะทำให้ยูเครนมีพื้นที่มากพอในการตั้งฐานที่มั่นเพื่อเคลื่อนพลข้ามแม่น้ำได้

ทั้งหมดนี้คือปฏิบัติการโต้กลับตลอด 5 เดือนที่ผ่านมาของยูเครนก่อนจะเข้าสู่ฤดูหนาว ซึ่งสภาพอากาศจะส่งผลให้การสู้รบเป็นไปได้ยากขึ้น ขณะเดียวกัน รัสเซียก็เริ่มกลับมาโจมตีทางอากาศใส่ยูเครนอีกครั้ง การโจมตีครั้งล่าสุดเกิดขึ้นที่โอเดสซา

รัสเซียโจมตีทางอากาศถล่มโอเดสซาครั้งใหญ่

เมื่อคืนที่ผ่านมา ทางการยูเครนออกมาระบุว่า รัสเซียได้ยิงขีปนาวุธและร่อนโดรนเข้ามาโจมตีบนแผ่นดินยูเครนครั้งใหญ่ เมืองที่เป็นเป้าหมายในครั้งนี้คือ โอเดสซา เมืองท่าสำคัญทางตอนใต้ของยูเครนและมีอาณาเขตติดกับทางเหนือของทะเลดำ การโจมตีส่งผลให้ Odesa National Art Museum ซึ่งเป็นหนึ่งในอาคารที่เก่าแก่มากที่สุดแห่งหนึ่งในโอเดสซา และเป็นที่จัดแสดงงานศิลปะของศิลปินยูเครนที่มีชื่อเสียงในอดีตหลายชิ้น ได้รับความเสียหาย

ด้านโอเลฮ์ คีเปอร์ ผู้ว่าการแคว้นโอเดสซาระบุว่า โดรนชาเฮดของรัสเซียจำนวน 15 ลำมุ่งมาโจมตีโครงสร้างพื้นฐานท่าเรือ จนคลังเก็บสินค้าและรถที่ใช้ขนส่งธัญพืชเสียหายจากไฟที่ลุกไหม้

ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บ เบื้องต้นขณะนี้อยู่ที่อย่างน้อย 8 คน สำหรับการโจมตีครั้งนี้ อันดรี เยอร์มัก หัวหน้าสำนักประธานาธิบดียูเครนระบุว่า เป็นการโจมตีเพื่อตอบโต้ที่ยูเครนยิงขีปนาวุธร่อนเข้าไปโจมตีอู่ต่อเรือที่เมืองเคียร์ซในไครเมียเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

"เศรษฐา" สั่ง "ปานปรีย์" ศึกษาความเหมาะสม ขึ้นเงินเดือนข้าราชการ

เรอัล มาดริด แถลงการณ์โต้ข่าวลือดีล "เอ็มบัปเป้"

“ต้องเต” หวังรัฐจริงจังผลักดันภาพยนตร์ไทย รองเลขาฯ นายกแจง ไม่คิดเคลมความสำเร็จ “สัปเหร่อ”